฿450.00
เนื้อผงพุทธคุณ สภาพดี รุ่นเสาร์ ๕ ปี ๒๕๑๖ วัดป่าเลไลย์ จ.สุพรรณบุรี
“ถิร พึ่งเจริญ …. (๒๔๔๕-๒๕๒๗)
พระวิสุทธิสารเถร เดิมมีสมณศักดิ์เป็นพระครูรักขิตวันมุนี แต่ทั่วไปมักเรียกว่า “หลวงพ่อถิร” เป็นพระเกจิอาจารย์รูปสำคัญของเมืองสุพรรณ และของประเทศไทย เกิดเมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๔๕ ณ บ้านพูลหลวง ต.พิหารแดง อ.เมืองสุพรรณบุรี จ.สุพรรณบุรี เป็นบุตรของพ่อวาส แม่เพิ่ม “พึ่งเจริญ” ตระกูลผู้ใหญ่ฝ่ายมารดาสืบเชื้อสายมาจากหมื่นเกล้าฯ และยายทวดจัน ซึ่งมีบุตรสาวชื่อยายมี แม่เพิ่มเป็นบุตรของยายมีกับตาสิงห์ ต้นกระกูล “สิงห์สุวรรณ” ส่วนตระกูลข้างเตี่ย (พ่อ) มาจากก๋งผึ้งและย่าอิ่ม เดิมจาก “แซ่ตัง” มาใช้นามสกุลว่า “พึ่งเจริญ” พ่อวาสเป็นบุตรชายของก๋งผึ้งกับย่าอิ่ม หลวงพ่อถิรบรรพชาเป็นสามเณรเมื่ออายุ ๑๗ ปี ต่อมาเข้าพิธีอุปสมบทเมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๕ ณ วัดหน่อพุทธางกูร โดยมีพระครูโพธาภิรัต (สอน) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูสุวรรณวรคุณ (หลวงพ่อคำ) วัดหน่อพุทธางกูร เป็นพระคู่สวด ได้รับฉายาว่า “ปญฺญาปโชโต”แล้วย้ายไปอยู่จำพรรษาที่วัดสุวรรณภูมิ เพื่อศึกษาพระธรรมวินัย จนสอบได้นักธรรมชั้นเอก เป็นนักเรียนที่สอบนักธรรมชั้นเอกได้เป็นรูปแรกในนามของจังหวัดสุพรรณบุรี ต่อมาไปอยู่วัดป่าเลไลยก์ เมื่ออายุ ๓๘ ปี พรรษา ๑๘ หลวงพ่อถิรได้เขียนบันทึกประวัติของท่านว่า “ข้าพเจ้าได้ทรงรับอนุมัติจากท่านเจ้าประคุณ สมเด็จพระสังฆราช (แพ) วัดสุทัศน์ ให้ย้ายจากวัดสุวรรณภูมิ ไปเป็นผู้รักษาการตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดป่าเลไลยก์ เมื่อวันที่ ๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๘๓ พอถึงวันที่ ๑๙ ได้ไปอยู่ ในคืนนั้นได้นิมิตไปว่า ท่านพระครูโพธาริรัต (สอน) เจ้าอาวาสและพระอุปัชฌายะของข้าพเจ้าที่ล่วงไป ได้มาบอกแก่ข้าพเจ้าว่า อยู่ไปเถอะไม่เป็นไร ใครจะทำอะไรไม่ดีก็ช่างเขา แล้วเขาจะพินาศไปเอง”
วันที่ ๙ กรกฎาคม ๒๔๘๓ เป็นผู้รักษาการเจ้าอาวาสวัดป่าเลไลยก์,ผู้รักษาการเจ้าคณะอำเภอเมืองสุพรรณบุรี,และพระอุปัชฌาย์
วันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๔๙๔ เป็นเจ้าคณะอำเภอเมืองสุพรรณบุรี
วันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๔๙๔ ได้รับพระบัญชาแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดป่าเลไลยก์
วันที่ ๕ ธันวาคม ๒๔๙๕ เป็นพระครูสัญญาบัตรที่ พระครูรักขิตวันมุนี
วันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๑๐ เป็นพระราชาคณะที่ พระรักขิตวันมุนี
วันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๒๑ เป็นพระราชาคณะฝ่ายวิปัสสนาที่ พระวิสุทธิสารเถร
มีเกร็ดประวัติศาสตร์ท้องถิ่นว่า เมื่อหลวงพ่อถิรย้ายมาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสและไม่เกิดปัญหาเช่นหลวงพ่อโต๊ะ เนื่องจากท่านเป็นที่รักศรัทธาเสื่อมใสของชุมเสือก๊กต่าง ๆ เช่น เสือฝ้าย เสือมเหศวร เสือใบ ที่มักมาหาเครื่องรางของขลังจากหลวงพ่อถิรเสมอตั้งแต่ครั้งอยู่ที่วัดสุวรรณภูมินั้นแล้ว เสือเหล่านี้ต่างพากันประกาศก้องว่า ใครหน้าไหนอย่าได้มารบกวนการสร้างพัฒนาวัดของหลวงพ่อถิร ให้เดือนเนื้อร้อนใจเป็นเด็ดขาด หาไม่เป็นได้เจอกัน…ฟังดูเสือเหล่านี้ก็มีคุณธรรม รักพระศาสนาดีทีเดียว และนั่นก็เป็นเหตุมีผู้กล่าวหาว่า หลวงพ่อถิรเลี้ยงเสือ เลี้ยงโจร ซึ่งท่านก็ตอบด้วยอารมณ์ขันว่า“ข้าไม่ได้เลี้ยงพวกมันหรอก มันเลี้ยงข้าตะหาก…”
เมื่อเสือก๊กต่าง ๆ ลงให้หลวงพ่อถิร นับถือเป็นอาจารย์ ชื่อเสียงความขลังของท่านจึงเป็นที่รู้จักที่วไป กอปรกับท่านมีสีลาจารวัตรงดงาม เคร่งครัดในพระธรรมวินัย มีเมตตาจิตจึงเป็นพระเกจิอาจารย์ที่ได้รับนิมนต์ในงานพุทธาภิเษกสำคัญแทบทุกงานในประเทศมาตั้งแต่อายุพรรษาไม่มากนัก
หลวงพ่อถิร นอกจากเป็นพระเกจิเรืองวิทยาคมแล้ว ท่านยังเป็นนักการศึกษา นักอ่าน นักเขียนตัวยงหนังสือประวัติวัดป่าเลไลยก์ ที่ตีพิมพ์ครั้งแรก เป็นผลงานการค้นคว้าของท่านเอง ทางวัดยังรักษาลายมือต้นฉบับเอาไว้อย่างดี
หลวงพ่อถิร ได้จัดให้มีการศึกษาพระปริยัติธรรมทั้งแผนกธรรมและบาลี มีภิกษุสามเณรจำพรรษาปีละเกือบร้อยรูป ได้ปรับสานที่ ย้ายกุฏิ ซ่อมพระวิหารใหญ่มุงหลังคา กระเบื้องสี สร้างถนน สร้างศาลาสมเด็จพระนเรศวร ทำการซ่อมและสร้างเสมอมาจดวัดป่าได้รับเกียรติบัตรเป็น วัดพัฒนาตัวอย่าง วัดแรกของจังหวัดสุพรรณบุรี
ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๐๗ เป็นต้นมา หลวงพ่อถิรได้ริเริ่มจัดงานประจำปีวัดป่าเลไลยก์ กำหนดงานเทศกาลปิดทองหลวงพ่อโต
วัดป่าเลไลยก์ในวันทางจันทรคติ วันขึ้น ๕ – ๙ ค่ำ ของเดือน ๕ และเดือน ๑๒ ของทุกปี วัดป่าเลไลยก์เริ่มเปิดกว้างสู่สาธารณชนยิ่งขึ้น