พระสังกัจจายน์ หลวงพ่อสมจิตต์ วัดสว่างอารมณ์ ปี ๒๔๙๕
฿350.00
Description
เนื้อผงพุทธคุณ ผสมผงเก่าพระสมเด็จบางขุนพรหม สภาพดี บิ่นมุมด้านหลัง เป็นพิมพ์คะแนน หายาก ปี ๒๔๙๕ วัดสว่างอารมณ์ จ.สมุทรปราการ
แรก ๆ หลวงพ่อสมจิตร์ท่านไม่นิยมสร้างวัตถุมงคลแต่เนื่องด้วยจำเป็นจะต้องหาสิ่งตอบแทนน้ำใจของ ญาติโยมที่เสียสละปัจจัยมาช่วยสร้างวัดกับท่าน
แท้จริงแล้วท่านมีความสามารถในการเขียนลบผงพุทธคุณได้เยี่ยมยอดไม่แพ้ครูบา อาจารย์รูปใด แต่ไม่เคยพูดหรือเล่าให้ใครฟัง
ดังนั้นท่านจึงดำริสร้างพระผงพุทธคุณขึ้นมาชุดหนึ่งในปี ๒๔๙ ปลาย ๆ มีอยู่หลายพิมพ์อาทิ สมเด็จเทียนชัย เป็นพิมพ์ที่นิยมสุด สร้างเป็นรูปสมเด็จโต บริกรรมบาตรน้ำมนต์ ตามภาพที่ท่านนิมิตเห็น นอกจากนั้นยังสร้างพิมพ์พระสังกัจจาย พระปิดตา ฯลฯ รวม ๆ แล้วหลายสิบพิมพ์
โดยท่านเป็นผู้เขียนและลบผงวิเศษ นอกจากนั้นยังได้นำพระสมเด็จบางขุนพรหมที่แตกหักมา บดละเอียดและผสมเป็นเนื้อเดียวกัน
ตลอดจนปลุกเสกเดี่ยวในพระอุโบสถจนมั่นใจ จึงนำมามอบให้ญาติโยมไว้บูชากัน อีกส่วนหนึ่งได้บรรจุไว้ที่ฐานชุกชีใต้องค์พระประธานของวัด
ปรากฎว่า พระของท่านนั้นมีประสบการณ์เรื่องเมตตา มหานิยม และค้าขายนั้นโด่งดังมาก จนกระทั่งคนพื้นที่แถบนั้นต้องดั้นด้นไปหาท่าน
เพื่อขอพระไปบูชากัน แต่เนื่องด้วยมีอยู่ครั้งหนึ่งมีศิษย์ของท่านอุตตรินำพระของท่านไปขูดผสมน้ำ ให้หญิงสาวคนหนึ่งดื่มเข้าไป
แล้วเกิดความลุ่มหลงและรักเจ้าหนุ่มคนนั้นอย่างจริงจัง ยิ่งทำให้ผู้คนหลั่งไหลไปขอพระจากท่าน ซึ่งท่านก็แจกจนหมด คนอยากได้ก็ขอเช่าจาก
คนที่ได้รับไปแล้ว แต่ทุกคนต่างหวงแหนจึงทำให้พระชุดนี้ดูเหมือนจะสาบสูญไปจากการหมุนเวียนใน สนามพระมานานแล้ว
สำหรับท่านที่มีพระเนื้อผงของท่านไว้อาราธนาติดตัว นับว่าโชคดีมากครับ แต่ถ้าจะให้ประสิทธิเมมากขึ้น ให้ว่าคาถาจากใบฝอยเก่าของวัดดังนี้
นะโม (๓ จบ) แล้วว่า อะระหังสุคคะโต นะโมพุทธายะ นะเมตตาจิต จิตติจิตตัง อะหังจะโต โรตินังติ ภะคะวะโต อิติธัมโม ภะคะวาติ
มีอยู่ครั้งหนึ่งมีศิษย์ของท่านอุตตรินำพระของท่านไปขูดผสมน้ำให้หญิงสาวคนหนึ่งดื่มเข้าไป แล้วเกิดความลุ่มหลงและรักเจ้าหนุ่มคนนั้นอย่างจริงจัง เซียนพระรุ่นเก่าให้ฉายาว่า “ขูดหลังรับเลี้ยง” ทำให้ผู้คนหลั่งไหลไปขอพระจากท่าน ซึ่งท่านก็แจกจนหมด คนอยากได้ก็ขอเช่าจากคนที่ได้รับไปแล้ว แต่ทุกคนต่างหวงแหนจึงทำให้พระชุดนี้ดูเหมือนจะสาบสูญไปจากการหมุนเวียนในสนามพระมานานแล้ว
สำหรับท่านที่มีพระเนื้อผงของท่านไว้อาราธนาติดตัว นับว่าโชคดีมากครับ แต่ถ้าจะให้ประสิทธิเมมากขึ้น ให้ว่าคาถาจากใบฝอยเก่าของวัดดังนี้
นะโม (๓ จบ)
อะระหังสุคคะโต นะโมพุทธายะ นะเมตตาจิต จิตติจิตตัง อะหังจะโต โรตินังติ ภะคะวะโต อิติธัมโม ภะคะวาติ
หลวงพ่อสมจิตร เปมิโย พระเกจิดัง-เมืองปากน้ำ อริยะโลกที่ ๖
“พระครูปลัดสมจิตร เปมิโย” หรือ “หลวงพ่อสมจิตร” อดีตเจ้าอาวาสวัดสว่างอารมณ์ อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ เป็นพระเถระที่สาธุชนชาวเมืองสมุทร ปราการ ให้ความเลื่อมใสศรัทธา
อัตโนประวัติ ถือกำเนิดในสกุล แย้มขวัญยืน เมื่อวันที่ ๑๙ มิ.ย. ๒๔๖๒ ภูมิลำเนาเดิมอยู่ บริเวณถนนตก เขตยานนาวา กรุงเทพฯ
ต่อมาท่านต้องสูญเสียบิดา ทำให้ท่านรู้สึกเศร้าสลดใจเป็นอย่างยิ่ง ได้ตั้งจิตอธิษฐานอย่างแน่วแน่ในวันนั้นโดยกล่าวต่อหน้ามารดาและญาติพี่น้องว่า “ท่านจะขอถือบวชไปตลอดชีวิตและจะขอตายในผืนผ้าเหลืองเท่านั้น”
หลังจากวันนั้นท่านก็มุ่งปฏิบัติธรรม ก่อนเข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุออกธุดงค์อย่างเคร่งครัด เพื่ออุทิศผลบุญกุศลให้กับบิดา-มารดา
หลวงพ่อสมจิตรได้ถือธุดงค์เที่ยวไปในที่ต่างๆ อยู่ตลอดเวลา โดยจะปักกลดอยู่ห่างจากหมู่บ้านหรือชุมชนพอสมควร ชาวบ้านที่รู้ข่าวว่ามีพระมาปักกลดก็จะพากันมาทำบุญตักบาตร โดยนำอาหารและเครื่องใช้ต่างๆ มาถวาย
บ่อยครั้งที่ชาวบ้านจะนำปัญหา หรือข้อขัดข้องใจมาขอความเมตตาให้ช่วยเหลือ ท่านจะชี้แนะแนวทางแก้ไขปัญหาต่างๆ ไปตามวิถีแห่งธรรมะ ตามหลักของพระพุทธศาสนา
บางครั้งก็ให้คำทำนายทายทักตามดวงชะตาและโชควาสนาของแต่ละท่านไป ซึ่งก็เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจมาก เพราะคำทำนายของท่านมักจะแม่นยำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคำทายทักที่เป็นข้อห้ามของท่าน หากทายทักห้ามไว้ แล้วไม่เชื่อยังฝืนกระทำก็จะได้รับความเสียหายเกือบทุกรายไป
จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ชาวบ้านและลูกศิษย์ มีความเชื่อถือศรัทธามาก
เนื่องจากท่านเป็นพระธุดงค์ จึงไม่ค่อยอยู่กับที่นานนัก ทำให้ไม่ค่อยมีใครทราบหรือรู้เกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของท่านมากนัก บ่อยครั้งที่มีญาติโยมบางคนที่มาทำบุญซักถามเกี่ยวกับประวัติความเป็นมา ท่านก็มักจะยิ้ม แล้วพูดสั้นๆ ว่า “ขอให้มองไปข้างหน้า..” ซึ่งเป็นคำตอบที่ไม่มีใครเลยจะทราบว่า ท่านหมายถึงอะไร
ในปี พ.ศ.๒๕๐๐ หลวงพ่อสมจิตรได้มาธุดงค์ที่คลองด่านแห่งนี้ ชาวบ้านเห็นปฏิปทาอันน่าเลื่อมใส จึงกราบอาราธนาให้ไปพักในวัดสว่างอารมณ์ ที่ปากอ่าวบ้านล่าง ซึ่งขณะนั้นวัดสว่างอารมณ์ว่างเจ้าอาวาสลงพอดี
ท่านได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสรูปที่ ๕ ในเวลาต่อมา
หลวงพ่อสมจิตรรับภารธุระเจ้าอาวาสวัดสว่าง อารมณ์ เห็นว่าอุโบสถเดิมที่หลวงพ่อปานสร้างไว้ทรุดโทรมลงมาก จนไม่อาจจะซ่อมแซมในบริเวณที่เดิมได้ จึงได้ก่อสร้างอุโบสถหลังใหม่ขึ้นในบริเวณที่ตั้งในปัจจุบัน
ท่านได้ทำหน้าที่อบรมพระภิกษุสามเณร อุบาสก อุบาสิกา และยังได้รับเป็นวิทยาการอบรมศีลธรรม จริยธรรม ตามโรงเรียนและหน่วยงานราชการต่างๆ ใน จ.สมุทรปราการ
ต่อมาท่านได้รับฐานานุกรมเป็นพระครูปลัด เป็นครูบาอาจารย์ที่มีลูกศิษย์และชาวบ้านให้ความเคารพนับถือศรัทธาเป็นจำนวนมาก
ในการจัดสร้างวัตถุมงคลนั้น ท่านไม่นิยมจัดสร้าง แต่ด้วยจำเป็นจะต้องหาสิ่งตอบแทนน้ำใจของญาติโยมที่เสียสละปัจจัยมาช่วยสร้างวัดกับท่าน ดังนั้น ท่านจึงดำริสร้างพระผงพุทธคุณขึ้นมาชุดหนึ่ง มีอยู่หลายพิมพ์ อาทิ พระสมเด็จเทียนชัย เป็นพิมพ์ที่นิยม จากนั้นยังสร้างพิมพ์พระสังกัจจายน์ พระปิดตา ฯลฯ รวมแล้วหลายสิบพิมพ์
ปรากฏว่าพระเครื่องของท่าน มีพุทธคุณโดดเด่นด้านเมตตามหานิยม และค้าขาย
มรณภาพอย่างสงบ เมื่อวันที่ ๑๙ ก.ย. ๒๕๒๐ สิริอายุ ๕๙ ปี พรรษา ๒๓
หลังจากนั้น คณะสงฆ์วัดสว่างอารมณ์และคณะศิษยานุศิษย์จัดงานพระราชทานเพลิงศพ ในวันอาทิตย์ที่ ๑๙ ก.ย. ๒๕๔๒ ท่ามกลางความเศร้าอาลัยของศิษยานุศิษย์