พระสมเด็จปรกโพธิ์ หลวงปู่สอน สิริธัมโม ตะกรุด ๗ ดอก

เนื้อผงหลังยันต์พระราหู หนุนดวงเสริมดวง สภาพดี รุ่นมหารวย ปี ๒๕๖๔ มวงสาร หลวงพ่อกวย สร้างแค่ ๔๔๕ องค์ กดโค๊ด กดเลข ๓๘๑ วัดโพธิ์ศรีนาจาน  จ.อุบลราชธานี

การสร้าง “พระสมเด็จปรกโพธิ์” เนื้อผงรุ่นแรก ในครั้งนี้ได้รวบรวมนำมวลสารชั้นครู พระสมเด็จปรกโพธิ์และพระเครื่องรุ่นต่างๆของ หลวงพ่อกวย วัดโฆษิตาราม มาเป็นผงสำคัญในการสร้าง ตลอดถึงพระเครื่องรุ่นต่างๆ ของพระเกจิอาจารย์ดังที่เก็บสะสมและปลุกเสกมานาน นอกจากนี้ยังลบผงเองตามตำราโบราณ  มาจัดสร้างเป็นองค์ พระสมเด็จปรกโพธิ์ เพื่อให้เป็นประวัติศาสตร์ เป็นของดีให้ลูกศิษย์ลูกหาได้มีไว้บูชา ด้วยอำนาจแห่งพลังพุทธคุณที่ได้ทำ ได้สร้าง ได้พุทธาภิเษกไว้  ได้ช่วยเหลือ ปกป้องคุ้มครอง อุดหนุน อุดมโชคลาภ บังเกิดมีแก่ลูกศิษย์ อยู่ถึงชั่วลูกชั่วหลานสืบไป

มีตำนานการสร้างเพื่อน้อมระลึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในวันเพ็ญ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖  ครานั้นพระองค์ทรงประทับนั่งขัดสมาธิ ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ณ อุรุเวลาเสนานิคม เมืองพาราณสี หันพระพัตรไปทางตะวันออก ตั้งจิตอธิษฐานด้วยความแน่วแน่ว่า “แม้เลือดเนื้อจะเหือดแห้งไป ตราบใดที่ยังไม่บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณ ก็จะไม่ลุกจากสมาธิบัลลังก์” ถึงจะมีหมู่มารเข้ามาขัดขวาง ก็พ่ายแพ้พระบารมีของพระองค์กลับไป  ในที่สุดพระองค์ทรงบรรลุญาณคือ ปฐมยาม คือยามต้น ทรงบรรลุปุพเพนิวาสานุสติญาณ คือ สามารถระลึกชาติได้   มัชฌิมยาม คือ ยามสอง ทรงบรรลุจุตูปปาตญาณ (ทิพย์จักษุญาณ) รู้เรื่องการเกิดการตายของสัตว์ทั้งหลาย ว่าเป็นไปตามกรรม ที่กำหนดไว้    ปัจฉิมยาม คือสุดท้าย ทรงบรรลุอาสวักขยญาณ คือความรู้ที่ทำให้สิ้นอาสวะหรือกิเลส ด้วยอริยสัจ ๔  ได้แก่ ทุกข์ สมุทัย นิโรธและมรรค และได้ตรัสรู้ด้วยพระองค์เอง เป็น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า และเป็นศาสดาเอกของโลก ซึ่งตรงกับวันเพ็ญเดือน ๖ พระจันทร์เสวยฤกษ์วิสาขปุรณมี ขณะที่มีพระชนมายุ ๓๕ พรรษา ปัจจุบันเรียกว่า “วันวิสาขบูชา”

พระสมเด็จปรกโพธิ์ รุ่นมหารวย จัดสร้างโดย หลวงปู่สอน สิริธมฺโม พระสุปฏิปันโณศรีสังฆมุนีเมืองอุบลราชาธานี พระครูเฒ่าหมอธรรมอีสาน มหาชนศรัทธาเรียกขาน “ เทวดาทุ่งนาเยีย”  มีดำริจัดสร้างเป็นรุ่นแรก โดยนำมวลสารที่ล้วนแต่เป็นสุดยอดผงพุทธคุณ อีกทั้งยังตรงตามตำรา การสร้างพระสมเด็จ ตามแบบเดิมท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์โต   ได้จัดสร้างมา  โดยมีมวลสารสารหลักดังต่อไปนี้

๑.ผงปถมัง ผงอิทธิเจ ผงตรีนิสิงเห ผงมหาราช ผงวิเศษ

๒.ผงพรายกุมาร และผงพุทธคุณเก่า หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

๓.ผงเก่าพระเครื่องกรุ วัดพลับ

๔.ผงอธิษฐาน พระเครื่อง วัดพิชัยสงคราม

๕.ผงพระเก่า หลวงพ่อยิ้ม วัดหนองบัว (สหธรรมมิก หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า)

๖.ผงไม้ตะเคียนทอง

๗.ผงดินกากยายักษ์

๘.ผงดิน ๙ กู่

๙.ผงใบโพธิ์ ๑,๐๐๐ ต้น   หลวงปู่ครูบาอินโต วัดบุญยืน

๑๐.ผงพระพุทธ25ศตวรรษ ปีพ.ศ.๒๕๐๐

๑๑.ผงอธิฐานจิต ท่านเจ้าคุณนรฯ

๑๒.ผงเก่า คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม ปี พ.ศ.๒๔๙๔

๑๓.ผงจินดามณี หลวงพ่ออิ่มวัดหัวเขา

๑๔.ผงยาวาสนา จินดามณี ตำรับวัดกลางบางแก้ว ของหลวงปู่บุญ หลวงปู่เพิ่ม หลวงปู่เจือ

๑๕.ผงงาช้าง พลายคชสาร

๑๖.ผงเก่า พระขุนแผนเก่าวัดใหญ่ชัยมงคล

๑๗.ผงพระกรุ หลวงพ่อปาน วัดคู้สลอด

๑๘.ผงว่าน ๑๐๘ ชนิด และนอกจากนี้ยังมีสุดยอดมวบสาร ผงเหล็กน้ำพี้  ผงแร่บางไผ่ แร่ธาตุกายสิทธิ์ และ ผงเก่าพระเกจิอาจารย์ ทั่วฟ้าเมืองไทย อาทิ  ผงพระ หลวงพ่อเกษม เขมโก สุสานไตรลักษณ์ ผงพระ หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ ผงพระ หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค  ผงพระเก่าหลวงปู่ยิ้ม วัดเจ้าเจ็ดใน ผงพระเก่าหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก  ผงพระหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ ผงพระหลวงพ่อรวย วัดท่าตะโก ผงพระหลวงพ่อเพี้ยน วัดเกริ่นกฐิน ผงพระ หลวงปู่ทิม วัดพระขาว และผงพระ หลวงปู่หงส์ วัดเพชรบุรี และผงอธิษฐาน มวลสารผงพุทธคุณ หลวงพ่อเจ้าคุณรักษ์ วัดสุทธาวาส วิปัสสนา และ ผงพุทธคุณพระเครื่องจากพระเกจิอาจารย์ดังอีกมากมาย มาจัดสร้างเป็นวัตถุมงคลรุ่นสำคัญนี้

ในการนี้ พระครูปลัดสุรินทร์  ภทฺทมุนี  เป็นเจ้าพิธีสำคัญ ในการจัดสร้างได้รวบรวมมวลสารผงพุทธคุณของพระเกจิอาจารย์ ครูบาอาจารย์ ยุคอดีตจากทั่วสารทิศมาจัดสร้าง อาทิ มวลสารเก่าพระสมเด็จวัดระฆัง ผงพระสมเด็จบางขุนพรหม   ผงหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์  ผงหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ผงหลวงพ่อเคลือบ วัดหนองกระดี่ ผงหลวงพ่อเงิน หลวงพ่อแช่มวัดดอนยายหอม ผงหลวงปู่บุญวัดกลางบางแก้ว  ผงหลวงปู่สี วัดถ้ำเขาบุญนาค ผงหลวงพ่อโม  วัดจันทราราม  ผงหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ผงหลวงพ่อกวย วัดโฆษิตาราม  ผลหลวงปู่คง หลวงเชื้อ วัดใหม่บำเพ็ญบุญ ผงหลวงปู่อิ่มวัดหัวเขา  ผงหลวงพ่อขอมวัดไผ่โรงวัว ผงหลวงพ่อโบ้ย วัดมะนาว  ผงหลวงพ่อเนียมวัดน้อย และพระเครื่องพระกรุจาก จังหวัดสุพรรณบุรี จังหวัดอยุธยา จังหวัดสุโขทัย จังหวัดพิษณุโลก นอกจากนี้ยังผงพรายกุมารหลวงปู่ทิมวัดละหารไร่ และผงว่าน ๑๐๘ ว่านทางสายเมตตามหานิยม  มหาเสน่ห์  สายโชคลาภ และว่านางคงกระพันชาตรี  กำบังภัย มาผสมจัดสร้างเป็นกรณีพิเศษอีกด้วย

ด้านหลังพระสมเด็จปรกโพธิ์ ประทับ ยันต์ นะ ฉัพพรรณรังสี  วิชา นะฉัพพรรณรังสี คือสุดยอดวิชาอีกวิชาหนึ่งตามตำรับของวัดประดู่ทรงธรรม ซึ่งสืบทอดสุดยอดวิชามาตั้งแต่สมัย สมเด็จพระพนรัตน์ วัดป่าแก้ว ยอดปรมาจารย์แห่งสยามประเทศในสมัยอยุธยา วิชา นะฉัพพรรณรังสี ตามตำรา สามารถใช้ลงกระหม่อมก็ได้ ลงผงสำหรับทำพระเครื่องก็ได้ ลงตะกรุดไว้พกติดตัวก็ได้ โดยมีพุทธคุณที่โดดเด่นที่สุดคือ ด้านเมตตามหานิยม เสริมสง่าราศี ให้กับผู้ใช้อย่างสูงสุด ดุจดังแสงพระฉัพพรรณรังสีขององค์บรมครูสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ฉายสาดส่องลงมาประสิทธิความสว่างไสวให้กับชีวิตด้วยพระองค์เอง จึงเป็นสุดยอดวิชาที่มีค่าควรเมือง มากด้วยประสบการณ์ จนมีการร่ำเรียนสืบทอดวิชาไว้มาจนถึงยุคปัจจุบัน นับว่าเป็นสุดยอดแห่งยันต์ ที่นำมาประทับไว้ด้านหลัง พระสมเด็จปรกโพธิ์รุ่นแรก ไว้สาธุชนสักการะบูชา เพิ่มความสว่างไสวให้ชีวิตสืบไป เรียกว่างานนี้ ได้ทั้งบุญ ได้ทั้งของดี ได้ทั้งสืบทอดวิชาโบราณไม่ให้สูญหายไปพร้อมกันในตัว

พุทธคุณของตะกรุดนะฉัพรรณรังสี

๑. เป็นเมตตามหานิยมอย่างสูงสุดทั้งกับมนุษย์ เทพพรหมภพภูมิทั้งปวง และสัตว์ทั้งหลาย

๒. เสริมสง่าราศีให้กับผู้ใช้อย่างสูงสุด ท่านใดดวงตก หน้าตาหมองคล้ำไม่สดใส จิตตก ดูไม่มีราศี ไม่มีอำนาจวาสนา นำ พระสมเด็จนี้ อาราธนาขึ้นคอ แล้วสวดภาวนาอยู่เสมอ จะช่วยเพิ่มสง่าราศีให้สดชื่นสว่างไสว

๓. ด้วยกำลังแห่งพระฉัพพรรณรังสีของพระพุทธองค์ จึงช่วยขจัดปัดเป่าสิ่งมืดมนทั้งปวง ไม่ว่าจะเป็นคุณไสยมนต์ดำ ภูตผีปีศาจ สิ่งไม่ดีทั้งปวง ให้หมดสิ้นไป

๔. สามารถนำมากำสวดมนต์ ภาวนาอธิษฐานเพื่อเสริมกำลังจิตกำลังใจทั้งทางโลกและทางธรรม ให้เห็นทางออกชองปัญหา ให้เกิดความสว่างไสว ความสำเร็จ ดุจดังพระพุทธองค์ทรงส่องพระฉัพพรรณรังสีนำทางให้พบความสำเร็จทุกประการ