฿400.00
เนื้อกะไหร่ทอง สภาพสวย ก้นกลึง พิมพ์เล็ก ปี ๒๕๓๓ วัดโพธิ์ชัย อ. เมือง จ.หนองคาย
หลวงพ่อพระใส เป็นพระพุทะรูปขัดสมาธิรบปางมารวิชัย หล่อด้วยทองสีสุก มีพระรูปลักษณะงดงาม ขนาดหน้าตักกว้าง ๒ คืบ ๘ นิ้ว ส่วนสูงจากพระชงฆ์เบื้องล่างถึงยอดพระเกศ ๔ คืบ ๑ นิ้ว ของช่างไม้
ปัจจุบันได้ประดิษฐานภายในอุโบสถวัดโพธิ์ชัย (พระอารามหลวง) อ. เมืองหนองคาย จ. หนองคาย เป็นพระพุทธรูปที่ชาวจังหวัดหนองคายนับถือ ว่าศักดิ์สิทธิ์มาก และเป็นที่เคารพสักการะอย่างยิ่ง ประวัติการสร้างซึ่งเป็นอัศจรรย์ยิ่งนัก
สมเด็จพระบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้ลงความเห็นไว้ในหนังสือ ตำนานพุทธเจดีย์สยาม หน้า ๑๐๒ ว่า พระพุทธรูปล้านช้างที่งามยิ่งกว่าองค์อื่นคือ พระสุก พระเสริม พระใส โดยมีพระราชธิดา ๓ พระองค์ แห่งกษัตริย์ล้านช้าง เป็นเจ้าของศรัทธา
พิธีหล่อ มีคนสูบเตาหลอมทองอยู่ไม่ขาดระยะ นับเป็นเวลา ๗ วันจนถึงวันที่ ๘ มาขอสูบเตาช่วยหลวงตา
และสามเณรน้อยรูปหนึ่งทำการสูบเตาอยู่ ปรากฏมีชีปะขาวคนหนึ่งมาขอสูบเตาช่ายหลวงตา และสามเณรน้อยขึ้นไปฉันเพล และแล้วสิ่งที่เป็นอัศจรรย์ที่ทุกคนเห็นก็คือ ทุกคนแลเห็นคนสูบเตามากกว่าผิดปกติ ท่อเตาก็มีมากแต่ละคนเป็นชีปะขาวหมด และทองได้ถูกเทลงในเบ้าทั้ง ๓ เบ้าเรียบร้อย และไม่ปรากฏเห็นชีปะขาวนั้นอีกเลย
การประดิษฐาน เดิมทีนั้นหลวงพ่อพระใสได้ประดิษฐาน ณ เมืองเวียงจันทร์ พ.ศ. ๒๓๒๑ สมัยกรุงธนบุรี
ได้อัญเชิญไว้ที่เมืองเวียงคำ และถูกเชิญมาประดิษฐานไว้ที่วัดโพนชัย เมืองเวียงจันทร์อีก ต่อมาในราชกาลที่ ๓
เจ้าอนุวงศ์ เมืองเวียงจันทร์เป็นกบฏ สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิ์พลเสพย์ เป็นจอมทัพยกพลมาปราบ จึงได้อัญเชิญ พระสุก พระเสริม พระใส ลงมาด้วย โดยอัญเชิญมาจากภูเขาควายขึ้นประดิษฐานบนแพไม้ไผ่ ซึ่งผูกติดกันอย่างหมั่นคงล่องมาตามลำน้ำงึม เมื่อล่องมาถึงตรงบ้านเวินแท่น ในขณะนั้นเกิดอัศจรรย์แท่นของพระสุกได้เกิดแหกแพจมลงไปในน้ำ โดยเหตุที่มีพายุพัดแรงจัด และบริเวณนั้นได้นามว่า “เวาแท่น” การล่องแพก็ยังล่องมาตามลำดับจนถึงน้ำโขง (ปากน้ำงึม) เฉียงกับบ้านหนอลกุ้ง อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย
ได้เกิดพายุใหญ่เสียงฟ้าคำรามคะนองร้องลั่น ในที่สุดพระสุกได้แหกแพจมลงไปในน้ำ ซึ่งอาการวิปริตต่างๆ ก็ได้หายไปเป็นอัศจรรย์ยิ่ง บริเวณนั้นจึงได้ชื่อว่า “เวินสุก” และพระสุกก็จมอยู่ในน้ำตรงนั้นมาจนถึลปัจจุบันนี้ ก็ยังเหลือแต่พระเสริม พระใส ที่ไดนำขึ้นมาถึงเมืองหนองคาย พระเสริมนั้น ได้ถูกอัญเชิญประดิษฐานไว้ ณ วัดโพธิ์ชัย ส่วนพระใสได้อัญเชิญประดิษฐานไว้ ณ วัดหอก่อง (ปัจจุบัน คือ วัดประดิษฐิ์ธรรมคุณ) ต่อมาในราชกาลที่ ๔ พระบาทสมเด็จพระจอมเก้าเจ้าอยู่หัว จึงโปรดเกล้าฯ ให้ขุนวรธานีและเจ้าเหม็น (ข้าหลวง ) อัญเชิญพระเสริม จากวัดโพธิ์ชัยหนองคายไปกรุงเทพฯ ด้วย แต่พอมาถึงวัดโพธิ์ชัยหลวงพ่อพระใสได้แสดงปาฏิหาริย์ จนเกรียนหักจึงอัญเชิญลงไปไม่ได้ ได้แต่พระเสริมลงกรุงเทพฯ ประดิษฐาน ณ วัดปทุมวนาราม
ส่วนหลวงพ่อพระใสได้อัญเชิญ ประดิษฐาน ณ วัดโพธิ์ชัย อ. เมือง จ.หนองคาย จนถึงปัจจุบัน