฿999.00
เนื้อดิน สภาพดี บิ่นนิดๆ ปี ๒๕๐๕ โรงเจฮะเฮงตั้ว บ้านหัวตะเข้ เขตลาดกระบัง จ.กรุงเทพฯ
” องค์เซียนแป๊ะโค้ว ” เป็นที่รู้จักแพร่หลายในถิ่นคนบ้านหัวตะเข้ เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ และคนไทยเชื้อสายจีนทั่วไปตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๕ หรือกว่าร้อยปีแล้ว .. ท่านเกิดในยุคนั้นราวปีพุทธศักราช ๒๔๒๓ ตอนเป็นเด็กบิดามารดาตั้งชื่อให้ว่า เด็กชายเอี๊ยะฮง แซ่เล้า พอโตขึ้นได้รู้จักกับกัปตันเดินเรือสำเภาวิ่งขึ้นล่องจากเมืองจีนไปเมืองไทย จึงมีโอกาสเดินทางไปค้าขายที่เมืองไทยในราวปี ๒๔๔๒ เป็นเด็กขายของย่านเยาวราชได้เงินก้อนหนึ่งไปลงทุนทำสวนผักที่หัวตะเข้ เขตลาดกระบัง
.. ครั้งหนึ่งขณะที่ท่านเดินใจลอยสะเปะสะปะ ผ่านศาลเจ้า ก็มีเสียงลึกลับว่า ” ท่านเซียนแป๊ะโค้ว โพธิสัตว์ เชิญมาพำนักที่นี่ ” .. หลังจากนั้น ท่านจึงอยู่ปฏิบัติธรรมที่ศาลเจ้าแห่งนั้น .. มีชาวบ้านเดือดร้อนไม่ว่าเรื่องอะไรมาขอให้ท่านช่วย ท่านก็สงเคราะห์ช่วยเหลือไป จนคนร่ำลือความศักดิ์สิทธิ์ของท่าน เรียกท่านว่าเซียนบ้าง
.. ท่านมีอภินิหารมาก คนเฒ่าคนแก่เล่ากันว่าถ้าใครโดนผีสิง เซียนท่านจะนำธงวาดเป็นวงในอากาศ ปรากฏว่าร่างที่โดนผีสิงจะดิ้นรนอย่างไรก็ไม่สามารถออกจากวงล้อมนี้ได้ ท่านจะพูดคุยสั่งสอนแล้วจัดทำบุญอุทิศให้วิญญาณไปผุดไปเกิด คนโดนผีเข้าจะหายแบบน่าอัศจรรย์
.. มีครั้งหนึ่งที่ทำให้ท่านเป็นตำนานเล่าขานจนถึงทุกวันนี้คือ มีเด็กถูกจระเข้คาบดำน้ำไป คนมาตามท่านให้ไปช่วย ท่านไปยืนบริกรรมอยู่ริมฝั่ง สักพักเดียวจระเข้ก็คาบเด็กขึ้นมาหา ท่านจึงเอาเท้าเหยียบที่หัวจระเข้จึงคายเด็กออกมา ปรากฏว่าเด็กยังไม่ตาย จึงเป็นตำนานเล่าขานเรียกละแวกแถวนั้นว่า ..หัวตะเข้..
.. (ทำไมร่างของท่านที่ละสังขารไปแล้วจึงโน้มตัวมาข้างหน้า) มีคำอธิบายว่า “ เซียนแป๊ะโค้ว หัวตะเข้ เมื่อท่านสิ้นอายุ ท่านดับขันธ์ด้วยท่านั่งสมาธิเพชร ร่างกายท่านไม่เน่าเปื่อย ทางศาลเจ้าจึงนำมาให้คนได้กราบไหว้บูชา .. ต่อมาน้าชายท่านเดินทางมาจากเมืองจีนเพื่อตามหาหลานชายให้กลับไปดูใจแม่ที่กำลังป่วยหนัก ก็มาพบว่าหลานชายกลายเป็นเซียนที่ชาวบ้านเคารพนับถือไปแล้ว อีกทั้งยังนั่งตายจากไป จึงตรงเข้าไปต่อว่าสังขารที่ไม่เน่าเปื่อยของท่านว่าไม่กตัญญูเลย เอาตัวรอดบรรลุธรรมไปคนเดียว ทิ้งแม่ให้เจ็บไข้ต้องร้องไห้อาลัยหา สารพัดจะดุด่าธาตุขันธ์ของท่าน .. และเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ที่สุด สังขารไร้วิญญาณที่นั่งขัดสมาธิเพชรตั้งตรงอยู่นั้นก็ค่อยๆโค้งโน้มตัวลง ค่อยๆก้มศีรษะลงจนกระทั่งหยุดนิ่งอยู่ในลักษณะดุจดังคนสำนึกผิด .. น้าชายเห็นอัศจรรย์ดังนั้นก็ตะลึงนะจังงัง และหยุดการดุด่าทันที จากนั้นก็กราบไหว้แล้วเดินทางกลับประเทศจีนไปบอกแม่ท่านถึงความอัศจรรย์ที่ได้ไปพบมา