฿500.00
เนื้อทองแดง สภาพสวย ปี ๒๕๔๖ วัดรังสีปาลิวัน อ.คำม่วง จ.กาฬสินธุ์
พระอริยเวที ( หลวงปู่มหาเขียน ฐิตตสีโล ปธ.๙ ) พระอริยสงฆ์อรหันต์ผู้แตกฉานในธรรม
ท่านเกิด เมื่อ วันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๔๕๖
บรรพชา เมื่อ อายุ ๑๗ ปี ที่วัดสุทธจินดา อ.เมือง จ.นครราชสีมา
อุปสมบท เมื่ออายุ ๒๑ ปี วันที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๔๗๗ ที่วัดสุทธจินดา โดยมี
พระมหาวีรวงศ์ (ติสโส อ้วน) เป็นพระอุปัชฌาย์
พระโพธิวงศาจารย์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์
พระธรรมปิฏก เป็นพระอนุสาวนาจารย์
ปี พ.ศ. ๒๔๗๗ – ๒๔๘๑ สอบไล่ได้ เปรียญธรรม ๓ – ๗ ประโยค
ปี พ.ศ. ๒๔๘๒ สอบไล่ได้เปรียญธรรม ๘ ประโยค
ปี พ.ศ.๒๔๘๔ สอบไล่ได้เปรียญธรรม ๙ ประโยค ที่สำนักเรียนศึกษาธรรมวัดบวรนิเวศวิหารฯ กรุงเทพฯ พร้อมกันกับพระสหธรรมมิก คือ สมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราช (เจริญ สุวัฑฒโน) องค์ปัจจุบัน
หลวงปู่เขียนท่านได้ฝากตัวเป็นศิษย์เอกท่านพระอาจารย์มั่นโดยตรง ตั้งแต่เป็นพระบวชใหม่ๆ ที่วัดสุทธจินดา
นับได้ว่าว่าท่านเป็นพระสหธรรมมิก กับ สมเด็จพระสังฆราช
(เจริญ สุวัฑฒโน) และ ท่านหลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโณ (เพราะเกิดปีเดียวกัน เรียนด้วยกันตอนที่ท่านบวชศึกษาอยู่สํานักเรียน)
หลวงปู่เขียนเข้าสู่อนุปาทิเสสนิพพาน ละสังขาร เมื่อวันที่ ๕ กุมภาพันธุ์ ๒๕๔๖ ที่วัดป่าบ้านโพน ต.โพน อ.คำม่วง จ.กาฬสินธุ์ สิริรวมอายุ ๙๐ ปี พรรษา ๗๐
หลวงปู่มหาเขียน ฐิตสีโล วัดป่ารังสีปาลิวัน อำเภอคำม่วง จังหวัดกาฬสินธุ์ ท่านเป็นพระสงฆ์ที่มี จริยวัตรงดงามน่าเคารพนับถือศรัทธามากท่านเป็นพระอริยบุคคลสำคัญองค์หนึ่งในกองทัพธรรมสายป่าธรรมยุติ ซึ่งมีความรู้แตกฉานทั้งทางด้านปริยัติ และ ปฏิบัติ วิปัสนากรรมฐาน กล่าวคือ ทางด้านปริยัติ องค์หลวงปู่ท่านได้เรียนสำเร็จชั้นสูงสุดทางธรรม คือ ท่านสอบได้เปรียญธรรม ๙ ประโยค และได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่ พระอริยเวที ทางด้านปฏิบัติ ท่านได้ถวายตัวเป็นลูกศิษย์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโตได้รับการอบรมธรรมจากหลวงปู่มั่นโดยตรง และได้ออกธุดงคกรรมฐานแสวงหา บำเพ็ญเพียรสมณธรรมหลุดพ้น ตามป่าเขาเป็นเวลานานตามครูบาอาจารย์สายป่า จนสิ้นกิเลสอาสวะหมดจด ซึ่งหลังหลวงปู่เขียนได้มรณะภาพละสังขารไปแล้วอัฐิของท่านก็ได้แปรสภาพเป็นพระธาตุซึ่งจะเกิดกับพระสงฆ์ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบและเคร่งครัดในพระธรรมวินัยบำเพ็ญเพียรวิปัสนากรรมฐานขัดเกลาจิตจนบริสุทธิ์หมดจดจนแตกฉานบบรรลุธรรมแล้วเท่านั้น ในทางพุทธศาสนากล่าวว่าพระอรหันต์เท่านั้นที่อัฐิจะแปรสภาพเป็นพระธาตุได้